วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

หน้าตาของกายภาพบำบัดชุมชน




พี่ๆน้องๆ
เมื่อวานได้ทานข้าวเย็นและพูดคุย กับอาจารย์สุวิทย์ และอาจารย์พรพิมลตามประสาคนไม่ได้เจอกันนาน ไปๆมาๆก็วกมาที่งานวิจัยกายภาพบำบัดในหน่วยปฐมภูมิจนได้ พี่สุวิทย์ซึ่งเป็นผู้ร่วมคิดแผนงานวิจัยกันมาแต่ต้น แต่พักหลังติดภารกิจการเรียนมากเลยห่างๆไปบ้าง ถามข่าวว่าน้องๆที่ร่วมโครงการทำอะไรไปกันถึงไหน
ต้องรวบรวมความคิดมากทีเดียวที่จะตอบคำถามนี้ เพราะแต่ละแห่งมีลักษณะงานต่างกันมาก จนที่เราตั้งใจจะวาดหน้าตากายภาพบำบัดชุมชนให้สังคม และสปสช.ได้เห็นไม่ใช่เรื่องง่าย และที่สำคัญคือไม่ใช่รูปเดียวที่จะนำไป copy ด้วยเครื่องผลิตนักกายภาพบำบัดใดๆได้
น้องๆในหน่วยงานหลายแห่งได้ดำเนินงานในชุมชน โดยเฉพาะเรื่องผู้พิการไปมาก จนอาจดูเหมือนใช้เป็นแบบอย่างได้ แต่เราก็เห็นว่าปัจจัยของสิ่งนี้เฉพาะเหลือเกิน โดยเฉพาะเรื่อง "เจ้านายต้องดัน" และมีนักกายภาพบำบัดมากกว่า 1 หรือ 2 คน ไม่มีทางจะเป็นได้หากมีน้องอยู่คนเดียวและต้องทำทุกอย่างทั้งในแผนก โรงพยาบาลและชุมชน นอกจากนั้นเรายังได้เห็นภาพเปลี่ยนผ่านของหน่วยงานที่เจ้านาย"เคยดัน" แต่ตอนนี้เปลี่ยนนาย และคิดว่าคงจะไม่ดันแล้ว หรืออีกที่ที่เกิดจากโครงการจ้างชั่วคราว 1 ปีของสปสช.ที่คิดว่าจะทำให้เกิดการจ้างต่อแต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น ดูแล้วน้องๆเหล่านี้ต้องพยายามทำงานกันอย่างยากลำบากมากทีเดียว
ส่วนที่อื่นๆที่เป็นภาพนักกายภาพบำบัดอยู่คนเดียวในโรงพยาบาลชุมชนหลายแห่ง ดูแล้วน้องไม่อาจทำงานได้ตามอุดมคติของตนเอง มีปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะระบบงานเยี่ยมบ้าน และงานบริการในโรงพยาบาล จนนั่งคิดเองก็คิดไม่ออกว่า หน่วยงานลักษณะนี้ซึ่งมีมากเหลือเกิน และจะเกิดขึ้นอีกมากในอนาคต หากโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่ง จ้างนักกายภาพบำบัดประจำ 1 หรือ 2 คน
เรื่องท้าทายก็คือทำอย่างไรให้หน่วยงานลักษณะนี้มีหน้าตาของนักกายภาพบำบัดที่เหมาะควร
พี่สุวิทย์ถามว่า ตอนนี้หน่วยงานแบบนี้ติดอะไรอยู่ ตอบเร็วๆตอนนั้นก็คือ น้องๆยุ่งกับงานบริการในแผนกมาก ไม่มีเวลาและทรัพยากรสำหรับลงพื้นที่ หรือเยี่ยมบ้านเลย ตามความคิดของตัวเองนี่ไม่น่าใช่ภาพของนักกายภาพบำบัดที่ทำงานกับชุมชน หากได้แต่ทำงานในแผนก
พี่สุวิทย์ถามว่า หากน้องในโรงพยาบาลชุมชน มีทรัพยากร เวลาและศักยภาพเฉพาะงานในแผนก นั่นยังไม่พออีกหรือ เพราะงานลักษณะนี้ก็สำคัญ เพื่อจะได้เป็นหน่วยกรองให้ผู้ป่วยได้รับบริการกายภาพบำบัด และไม่ต้องเดินทางไปรักษาถึงโรงพยาบาลจังหวัด
ในใจตอนนั้นเห็นแย้ง แต่ก็ยังไม่รู้จะโต้ตอบประเด็นนี้อย่างไร ช่วยกันคิดหน่อยสิคะ

มัณฑนา

5 ความคิดเห็น:

  1. ยศศักดิ์ รพ.โกสุม7 มกราคม 2553 เวลา 20:24

    "หากน้องในโรงพยาบาลชุมชน มีทรัพยากร เวลาและศักยภาพเฉพาะงานในแผนก นั่นยังไม่พออีกหรือ เพราะงานลักษณะนี้ก็สำคัญ เพื่อจะได้เป็นหน่วยกรองให้ผู้ป่วยได้รับบริการกายภาพบำบัด และไม่ต้องเดินทางไปรักษาถึงโรงพยาบาลจังหวัด"

    แสดงความเห็นนะครับอาจารย์ กายภาพบำบัดชุมชนควรมีบทบาทครบทั้ง4ด้าน (ส่งเสริม ป้องกัน รักษา ฟื้นฟู)แม้ไม่ครบ แต่ควรมีมากกว่าแค่รักษา เราไม่ได้มีหน้าที่กรองผู้ป่วยให้ไปรพ.จังหวัดน้อยลง แต่เรามีหน้าที่ทำให้ผู้ป่วยมารพ.ให้น้อยที่สุดต่างหาก นั่นคือผู้ป่วยสามารถดูแลและป้องกันไม่ให้เจ็บป่วยได้ พึ่งพาระบบสุขภาพน้อยลง แต่พึ่งความรู้ตนเองโดยมีเราถ่ายทอดให้มากขึ้น และนั่นคือหน้าที่ของรพ.ชุมชน ซึ่งจะต่างจาก รพ.จังหวัด

    ตอบลบ
  2. กระทู้ที่ อ.สุวิทย์ ยกขึ้นมาน่าสนใจจังเลย อยากทราบความเห็นของน้อง ๆ แต่ละที่ค่ะ/ น้อมจิตต์

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ22 เมษายน 2553 เวลา 07:08

    สน รพ.บางแพ

    เห็นด้วยกับ ยศศักดิ์ ค่ะ
    เพราะ การที่ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไป รพ. จังหวัด มันเป็น ผลสำเร็จระดับหนึ่ง เท่านั้น แต่มันอาจไม่ยั่งยืน
    เพราะถ้าไม่สามารถทำให้ คนในชุมชนลดการพึ่งพาระบบสุขภาพ ได้ แม้ผู้ป่วยจะไม่ไป รพ.ศูนย์ ก็จะมา แออัด ที่ รพ. ชุมชน แทน เมื่อมีปริมาณผู้ป่วยที่มากขึ้น สุดท้าย เนื้องานการให้บริการ อาจไม่ต่างกับ รพ จังหวัด
    ดังนั้น การทำงาน ใน รพ.ชุมชน จึงควรเป็นแบบ ที่ ยศศักดิ์ บอกค่ะ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ22 เมษายน 2553 เวลา 07:11

    สน รพ.บางแพ

    เห็นด้วยกับ ยศศักดิ์ ค่ะ
    เพราะ การที่ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไป รพ. จังหวัด มันเป็น ผลสำเร็จระดับหนึ่ง เท่านั้น แต่มันอาจไม่ยั่งยืน
    เพราะถ้าไม่สามารถทำให้ คนในชุมชนลดการพึ่งพาระบบสุขภาพ ได้ แม้ผู้ป่วยจะไม่ไป รพ.ศูนย์ ก็จะมา แออัด ที่ รพ. ชุมชน แทน เมื่อมีปริมาณผู้ป่วยที่มากขึ้น สุดท้าย เนื้องานการให้บริการ อาจไม่ต่างกับ รพ จังหวัด
    ดังนั้น การทำงาน ใน รพ.ชุมชน จึงควรเป็นแบบ ที่ ยศศักดิ์ บอกค่ะ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ7 มกราคม 2555 เวลา 08:17

    เนื้อของปัญหาน่าจะมาจากปริมาณงานกับปริมาณบุคลากรไม่สัมพันธ์กัน
    แนวคิดของ ยศศักดิ์ เป็นแนวคิดที่ดี คือ สร้างให้คนมีความเข้าใจและมีภูมิคุ้มกันในตนเอง เราสร้างเครือข่ายความรู้ให้ชุมชน ไม่ใช่เพียงหาปลาให้ชุมชน
    น่าจะเป็นบทบาทที่ชัดเจนแล้วครับ แต่คนทำคงต้องเหนื่อยหน่อย^^

    ตอบลบ