
งานกายภาพบำบัดต้องแยกออกจากกลุ่มงานเวชกรรมฟื้นฟูได้แล้ว
นานปีที่เราได้ฟังเรื่องซ้ำๆซากๆเกี่ยวกับประเด็นคับข้องของงานบริหารหน่วยกายภาพบำบัด ในโรงพยาบาลจังหวัดและโรงพยาบาลศูนย์ จำได้ว่าเกือบ 20 ปีก่อน เมื่อยังเป็นนักศึกษาที่ศิริราช มีประเด็นนี้ถกกันในสภากาแฟที่เหล่านักศึกษากายภาพบำบัดของมหิดลจัดขึ้นหลายครั้ง มีรุ่นพี่มาเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฟัง เราก็ตื่นเต้นไปตามประสา คิดว่าเออหนอพี่ๆเราก็ต้องต่อสู้กับประเด็นอะไรต่ออะไรที่แปลกๆเหมือนกัน เพราะไม่เคยอยู่ในระบบดังว่าหรือเผชิญปัญหาด้วยตนเอง
พอมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ก็ห่างจากเรื่องนี้ไปบ้างบางช่วง ด้วยได้ไปทำงานด้านวิชาการ เรียนรู้องค์ความรู้ของวิชาชีพกายภาพบำบัดจนถึงระดับปริญญาเอก จนมั่นใจว่าวิชาชีพกายภาพบำบัดมีองค์ความรู้ของเราเองที่ไม่เหมือนกับวิชาชีพอื่นใด และได้สัมผัสกับอิสรภาพทางการบริหารและวิชาการของ “สภาวิชาชีพกายภาพบำบัด”และ “คณะกายภาพบำบัด” จนเกือบลืมไปว่าประเด็นขัดแย้งนี้ ยังคงอยู่ในโครงสร้างบริหารของโรงพยาบาลรัฐเกือบทุกแห่งในประเทศไทย
เมื่อสองสามปีก่อน ยังสวมหมวกเป็นเลขาธิการสภากายภาพบำบัด มีเรื่องโครงสร้าง “งานกายภาพบำบัด” ที่กำลังจะแยกออกจาก “งานเวชศาสตร์ฟื้นฟู” เข้ามาถกคุย เป็นวาระจรในการประชุมสภาอยู่สองสามครั้ง แต่ก็เป็นเพียงเรื่อง “แจ้งเพื่อทราบ” บางครั้งเกือบจะเป็นเรื่อง “แจ้งเพื่อร่วมกันยินดี” เพราะข่าวคราวความคืบหน้าของการแยกส่วนงานล้วนเป็นในทางบวก ที่เราคิดกันว่า คงจะได้หลุด ได้โล่ง และเริ่มพัฒนา “งานกายภาพบำบัด” ในโครงสร้างใหญ่ยักษ์อันอุ้ยอ้ายของระบบโรงพยาบาลรัฐให้รวดเร็ว เป็นตัวของตัวเอง และจะได้เป็นประโยชน์กับผู้รับบริการของเรามากขึ้นเสียที
เมื่อสัปดาห์ก่อน เรากำลังจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการร่วมกับนักกายภาพบำบัดที่ปฏิบัติงานในหน่วยปฐมภูมิ เช่น ศูนย์แพทย์ชุมชน โรงพยาบาลชุมชน จู่ๆก็ได้ข่าวการเรียกประชุมเพื่อทบทวนโครงสร้าง “งานกายภาพบำบัด” โดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู แพทย์สาขาอื่นๆ รวมทั้งกลุ่มแพทย์ผู้บริหารโรงพยาบาล แวบแรกที่เรารู้สึกคือโกรธ และเสียดายความนับถือที่เราเคยมีให้ผู้ร่วมประชุมที่เรารู้จักอยู่หลายท่าน อยากได้เข้าร่วมอธิบาย อภิปรายในที่ประชุม รวมทั้งออกมาช่วยกันถามสาธารณชนว่า ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับระบบบริหารทางการแพทย์ อยากให้พี่ๆน้องๆนักกายภาพบำบัดลองไถ่ถามกันดู เพื่อจะได้กระจายข่าวคราวนี้ออกไปให้ทั่ว เผื่อเราจะต้องรวมพลังทำอะไรสักอย่าง จะได้เข้าใจตรงกัน และสามารถช่วยกันอธิบายข้อมูลแก่เพื่อนร่วมงานวิชาชีพด้านสุขภาพสาขาอื่นๆ ผู้ใช้บริการของเรา และสังคมได้เต็มปาก
ถามตัวเองว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากแยกหน่วยเป็น “งานกายภาพบำบัด” เรื่องแรกคือการบริการผู้ป่วย ที่ชัดเจนและคล่องตัวขึ้น สิ่งที่นักกายภาพบำบัดในโรงพยาบาลทั่วโลกปฏิบัติกันยกเว้นโรงพยาบาลรัฐของประเทศไทยก็คือ การรับปรึกษาจากแพทย์ทุกสาขาได้โดยตรง ยกตัวอย่างเช่น
• ศัลยแพทย์ส่งผู้ป่วยหลังผ่าตัดปรึกษากายภาพบำบัด
• แพทย์ออร์โธปิดิกส์ส่งผู้ป่วยกระดูกกล้ามเนื้อปรึกษากายภาพบำบัด
• อายุรแพทย์ส่งผู้ป่วยทุกภาวะที่เห็นว่ามีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวและสมรรถภาพกายปรึกษากายภาพบำบัด
• สูตินารีแพทย์ส่งหญิงก่อนและหลังคลอดปรึกษากายภาพบำบัด
• กุมารแพทย์ส่งผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาการเคลื่อนไหว พัฒนาการ หรือปัญหาอื่นปรึกษากายภาพบำบัด
• แพทย์ด้านประสาทอายุรศาสตร์หรือประสาทศัลยศาสตร์ส่งผู้ป่วยระบบประสาท ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง พาร์กินสัน และผู้ป่วยที่มีความผิดปกติด้านการเคลื่อนไหวต่างๆปรึกษากายภาพบำบัด
• รวมทั้งแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูก็สามารถส่งผู้ป่วยที่ต้องการฟื้นฟูสภาพโดยทีมฟื้นฟู ปรึกษากายภาพบำบัด
แล้วปัญหาของการมี “ส่วนงานกายภาพบำบัด” อยู่ที่ไหนหรือ
สำหรับคำถามนี้ได้ยินคำตอบแว่วๆ ที่ต้องพึมพำกับตัวเองว่า โอ้ ไม่น่าเชื่อเลย ยังคงมีคนคิดแบบนี้อยู่ ว่าหากนักกายภาพบำบัดที่สังกัดใน “งานกายภาพบำบัด” รับปรึกษาและดูแลผู้ป่วยโดยตรง จะทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงและไม่ปลอดภัยเพียงพอ หากไม่มีใครอีกสักคนที่มีปริญญาแพทย์ศาสตรบัณฑิตนั่งอยู่หน้าแผนกของเราเพื่อคัดกรองผู้ป่วยให้เรา ว่าทำกายภาพบำบัด “ได้” หรือ "ไม่ได้" บางคนนั่งอยู่หน้าแผนกของเรามานาน จนเริ่มเรียกเรียกตัวเองว่า “หมอกายภาพ”!! เสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม น่าอัศจรรย์ที่ว่า ด้วยแต่ละโรงพยาบาลมีจำนวน บุคลากรท่านเหล่านี้ไม่มากนัก ดังนั้นจึงมีวันที่ท่านไม่ว่างหรือติดราชการ วันนั้นผู้ป่วยก็ทำกายภาพ โดยนักกายภาพบำบัดได้อย่างปลอดภัย
(ยังมีต่อ โปรดติดตาม)
นักกายภาพบำบัด มัณฑนา วงศ์ศิรินวรัตน์
สนับสนุนและอยากให้แยกมากๆ ค่ะ ตอนนี้อึดอัดที่ต้องทำตาม order แพทย์ทุกอย่าง ทั้งๆที่เราก็เรียนมาอย่างหนัก วินิจฉัยและให้การรักษาด้วยความปลอดภัย
ตอบลบอยากให้แยกในทุกโรงพยาบาลเลยน่ะค่ะ
ตอบลบเห็นด้วยค่ะ ควรแยกออกเพื่อความเจริญก้าวหน้า นักกายภาพบำบัดมีศักยภาพค่ะ
ตอบลบ